ในยุคดิจิทัลที่โฆษณาส่วนใหญ่มักถูกกดข้ามในเวลาไม่กี่วินาที “แคมเปญบัตรติดล้อ” ได้สร้างปรากฏการณ์ที่แตกต่างออกไป ด้วยความยาวถึง 6 นาทีที่ดึงดูดผู้ชมให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องราวสะท้อนปัญหาชีวิตจริงของคนหาเช้ากินค่ำ ผ่านมุมมองที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งอย่าง “มนุษย์บัตรติดล้อ” ตัวแทนของ “เงินติดล้อ” ที่ไม่ได้เพียงแต่เสนอทางออกทางการเงิน ผู้เป็นทั้งเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา เตือนสติ และส่งมอบความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการที่สุด
หัวใจที่ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จ คือความเข้าใจลึกซึ้งในปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า “เงินติดล้อ” ตระหนักดีว่าปัญหาทางการเงินมักเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และมักไม่มีใครพร้อมรับมือเมื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ทีมงานจึงไม่ได้มุ่งแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังตั้งใจสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ลูกค้า เพื่อป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในวังวนของหนี้สินนอกระบบ อย่างที่ทีม GENESIS 12 ที่ร่วมพัฒนาหนังโฆษณาให้กับเงินติดล้อเล่าว่า
“แบรนด์เงินติดล้อมีเจตนาที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น คือการทำธุรกิจเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ไม่ใช่แค่ขายของ แบรนด์นี้รู้จักและเข้าใจความทุกข์ของลูกค้า ทำให้สามารถเล่าเรื่องในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเข้าถึงใจของกลุ่มเป้าหมาย”
การเล่าเรื่องในโฆษณาผสมผสานหลากหลายอารมณ์ ทั้งความตลก ความเศร้า ความตื่นเต้น และความหวัง เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงชีวิตจริงของผู้คนที่กำลังเผชิญปัญหา ในขณะเดียวกัน โฆษณายังสอดแทรกความรู้ในการใช้ “บัตรติดล้อ” อย่างชาญฉลาด ช่วยให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของ “บัตรติดล้อ”
‘เจตนาดี’ ที่มาของ ‘ก๊อก 2’ ให้ลูกค้า
จุดกำเนิดของ “บัตรติดล้อ” มาจากการสังเกตปัญหาจริงของลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อซ้ำ ทีมงานของเงินติดล้อพบว่าลูกค้าหลายรายเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดบ่อยครั้งหลังจากได้รับสินเชื่อไปไม่นาน ทำให้พวกเขาต้องกลับมาขอสินเชื่อใหม่ซึ่งใช้เวลา และอาจได้วงเงินที่น้อยลง
“เราพบปัญหาจริงของลูกค้าที่เข้ามาขอจัดสินเชื่อที่สาขา ที่หลายคนหลังจากได้รับเงินไปแล้วประมาณ 4-5 เดือนก็มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนให้ต้องใช้เงินอีก ทำให้ต้องกลับมาขอสินเชื่อใหม่ ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้าต้องเสียเวลายื่นขอสินเชื่อใหม่ วงเงินที่ลูกค้าได้รับก็อาจน้อยลง ตามการประเมินราคาของรถในท้องตลาดที่ลดลง มันทำให้เราเข้าใจลูกค้า เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในชีวิต แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเหตุฉุกเฉินมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าเหตุฉุกเฉินในชีวิตจะเกิดขึ้นมาแค่ครั้งเดียว และก่อนหน้านี้คือไม่มีอะไรที่จะช่วยให้อุ่นใจได้เลยว่าเมื่อเขาได้เงินสินเชื่อจากเราไปแล้ว เขาจะไม่เจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้เงินก้อนอย่างเร่งด่วนอีก”
นั่นหมายถึงสุดท้ายถ้าลูกค้ากลุ่มนี้ของเงินติดล้อไม่มีตัวช่วย ความจำเป็นที่เกิดขึ้นก็อาจผลักดันให้ต้องไปจบอยู่ที่ ‘หนี้นอกระบบ’
“พอเราเจอเคสแบบนี้บ่อยๆ ก็ทำให้เราอยากให้ลูกค้าได้มี ‘กระเป๋าเงินฉุกเฉิน’ หรือ ‘ก๊อก 2 ’โดยนำเทคโนโลยีที่มี ความสามารถมาเชื่อมเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่เราคิดว่าจะช่วยลูกค้าได้ แล้วก็ใส่ฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเข้าไป อย่างการกดเงินสดจากวงเงินที่มีอยู่ในบัตรออกมาใช้ได้ทันที การนำเงินที่เคยผ่อนมาแล้วเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมถึงการการันตีวงเงินสินเชื่อคงที่ในบัตรไว้ 1 ปี ทำให้เมื่อเขาเจอเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงิน เขาไม่ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ และไม่ต้องถูกขูดรีดจากดอกเบี้ยที่สูงลิ่ว”
ทำให้วันนี้ลูกค้าเงินติดล้อจำนวนกว่า 725,000 คน* ได้มี ‘กระเป๋าเงินฉุกเฉิน’ ใบแรกไว้ใช้ เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อนำมาแก้ปัญหาการเงินในชีวิต
จากนั้นเงินติดล้อยังมีการพัฒนาฟีเจอร์ที่จะช่วยแก้ปัญหาในชีวิตให้กับลูกค้าได้ดีขึ้นและมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ ‘โอนเงินสินเชื่อผ่านแอปฯ’ ที่แม้จะไม่มีตู้ ATM อยู่ใกล้ๆ ลูกค้าก็ยังสามารถโอนเงินที่มีอยู่ในวงเงินสินเชื่อไปใช้แก้ปัญหาการเงินในชีวิตได้
โฆษณาที่สอนใจพร้อมให้ความรู้
หนึ่งในจุดเด่นของแคมเปญนี้คือการใช้เรื่องเล่าเพื่อให้ความรู้ในลักษณะ “เพื่อนช่วยเพื่อน” โดยเน้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น การคิดดอกเบี้ยตามจำนวนเงินที่ใช้จริง ไม่ใช่ทั้งวงเงินที่ขอกู้ในตอนที่ลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อ รวมถึงการย้ำเตือนว่าควรใช้วงเงินเฉพาะในยามจำเป็นจริงๆ
“เราตั้งใจให้โฆษณานี้ทำหน้าที่ให้ความรู้กับลูกค้าของเราด้วย เพราะเราเคยเจอเคสที่ลูกค้าเดือดร้อน จำเป็นต้องใช้เงิน แล้วเขาก็มีบัตรติดล้อ แต่ไม่รู้ว่าเงินที่ผ่อนกับเรามาแล้วหลังจากหักดอกเบี้ย จะกลับไปเป็นวงเงินให้เขาอยู่ในบัตร ซึ่งเขาสามารถกดมาใช้ได้ทันทีที่ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเรื่องของดอกเบี้ย ลูกค้าหลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจว่าเราคิดดอกเบี้ยอย่างไร ทำให้เราอยากสื่อสารไปถึงลูกค้าว่าเขาสามารถถามในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจได้นะ และยังเป็นการช่วยพนักงานสาขาของเราด้วย เพราะการดูหนังช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่าการอธิบายอย่างเดียว”
คำพูดอย่าง “ไปนอน” ที่ปรากฏในโฆษณาก็เป็นตัวอย่างของการสื่อสารที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เพราะมันสื่อถึงความห่วงใยและส่งเสริมให้ลูกค้าทำสิ่งสำคัญในชีวิต เช่น การนอนพักผ่อน เพื่อให้มีแรงไปทำงานและใช้หนี้จนหมด เมื่อพ้นภาระหนี้ พวกเขาจะได้มีอิสรภาพทางการเงิน
นี่คือการตอกย้ำจุดยืนที่มีอยู่ในเจตนารมณ์ของเงินติดล้อ และเป็นสิ่งที่เงินติดล้ออยากได้ยินและยินดีที่จะเห็นชีวิตของลูกค้าหมุนต่อไปได้อีกครั้ง
สิ่งที่เงินติดล้อ ‘ไม่เคยเปลี่ยน’ ทั้งในโลกโฆษณาและในโลกจริง
เมื่อมองภาพใหญ่กว่าหนังโฆษณา ซึ่งก็คือ ‘เจตนารมณ์’ เป้าหมายที่แท้จริงของ “เงินติดล้อ” คือการช่วยให้ลูกค้ามีสถานภาพทางการเงินที่ดีขึ้น และไม่ต้องกลับมาขอสินเชื่อซ้ำอีก เพราะสำหรับเรา การที่ลูกค้าไม่กลับมาหาเราแสดงถึงความสำเร็จในชีวิตของพวกเขา และนี่คืออีกแรงผลักดันให้ชาวเงินติดล้อทุกทีมทุกฝ่ายพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเหล่านี้สามารถช่วยชีวิตของลูกค้าเราได้จริง
“ที่เงินติดล้อเรามีคำติดปากของทุกฝ่ายคือ วันนี้สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทำ เราคิดและทำด้วยความเข้าอกเข้าใจลูกค้าจริงๆ แล้วหรือยัง เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เรานำประสบการณ์ที่ลูกค้าเจอ นำปัญหาในชีวิตของลูกค้ามาวิเคราะห์ แล้วถ้าเจอประเด็นที่เราสามารถจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ ลำบากน้อยลง เราก็จะทำทันที”
“แคมเปญบัตรติดล้อ” จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่โฆษณาที่ครบทุกอารมณ์ แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจดีที่เงินติดล้อตั้งใจส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ทางการเงิน การยื่นมือช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่มาพร้อมความจริงใจจากพนักงานที่เข้าใจและใส่ใจความเดือดร้อนของลูกค้า
เพราะสุดท้าย สิ่งที่เงินติดล้ออยากจะเห็นที่สุด ไม่ใช่เพียงยอดขายหรือกำไร แต่คือวันที่ลูกค้าสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง มีชีวิตที่มั่นคง และมีอิสรภาพทางการเงิน เพราะเป้าหมายสูงสุดของ เงินติดล้อ ไม่ใช่การเป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหาแต่ผลกำไร แต่คือการเป็นองค์กรที่พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทางการเงินของลูกค้าให้ดีขึ้นต่อไป
*ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567