หลายๆ คนต้องพบกับปัญหาที่ว่าทำงานได้เงินมาเท่าไหร่ก็ต้องนำไปชำระหนี้สินจนหมด ทำให้ไม่สามารถออมเงินได้ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าถึงเรามีหนี้ เราก็ควรต้องแบ่งเงินเก็บไว้ด้วย เพราะผมพบตัวอย่างคนใกล้ตัวที่มีหนี้ แต่ไม่วางแผนออมเงินไว้เลย ลองอ่านดูนะครับ…
วันหนึ่งลูกชายเพื่อนผมดันขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนท้ายรถราคาแพงคันนึง โชคดีที่เจ้าของรถยนต์เขาเห็นบาดเจ็บหนักก็เลยไม่คิดจะเอาเรื่อง แต่ก็ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลกับค่าซ่อมรถมอเตอร์ไซค์หมดเป็นหมื่น เพื่อนผมเล่าไปก็ร้องไห้ไป เพราะมันทุกข์ใจว่าหนี้เก่ายังชำระไม่หมด ยังต้องกู้เงินเพิ่มมารักษาลูกอีก ทุกวันนี้อย่าได้คิดถึงการออมเงินเลย เพราะไม่ว่าจะหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ต้องนำไปชำระหนี้หมด ชีวิตนี้เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมต้องเริ่มคิดใหม่!!
ผมเริ่มคิดว่าตัวเองมองอะไรพลาดไปหรือเปล่า นอกจากความรับผิดชอบในการใช้หนี้ และสิ่งที่ผมพลาด คือ ลืมคิดถึงแผนสำรองเผื่อช่วงที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเกิดอุบัติเหตุ มันทำให้ผมรู้ว่าคนที่มีหนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีเงินออมที่เรียกว่า “เงินฉุกเฉิน” เก็บไว้ด้วย เพราะเงินก้อนนี้นั้นสำคัญกับชีวิตมากจริงๆ มาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า “คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสามารถมีเงินออมได้ ถ้าหากยังมีหนี้สินอยู่”
งั้นเรามาดูวิธีแบ่งเงินใช้หนี้และมีเงินเก็บแบบง่ายๆกันดีกว่า
ซึ่งขั้นตอนแรกนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มจากการเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายเลยครับ! เพราะสามารถทำให้ทุกคนสามารถรู้ได้อย่างแน่นอนว่าเงินที่ได้มานั้น ใช้จ่ายไปในเรื่องใดบ้าง เมื่อถึงวันที่เงินเดือนเข้าบัญชีหรือขายของมีรายได้เข้ามา ก็แบ่งเงินเป็น 2 กอง คือ กองที่เก็บและกองที่ใช้
- กองที่เก็บ คือ เงินสดสำรองฉุกเฉิน (จำนวนรายจ่าย ให้อยู่ได้อย่างน้อย1-3เดือน)
- กองที่ใช้ คือ ใช้จ่ายหนี้สินและใช้จ่ายส่วนตัว
เทคนิคของผมง่ายนิดเดียวครับ แค่แบ่งเงินเก็บไว้ก่อนใช้เสมอ ค่อยๆ ออมเงินจนกระทั่งครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ เช่น ถ้าเรามีรายจ่ายเดือนละ 10,000 บาท ดังนั้นเงินฉุกเฉินต้องเตรียมไว้ คือ อย่างน้อย 10,000-30,000 บาท โดยเริ่มต้นแบ่งเงินรายได้มาเก็บทุกเดือน อาจจะเดือนละ 500 – 1,000 บาท จำนวนที่เก็บขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน แต่ผมอยากบอกว่าจำนวนเงินที่เก็บยังไม่สำคัญเท่าวินัยที่จะเก็บให้ได้ทุกเดือน เพราะหากมีวินัย เงินเก็บก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนครบในที่สุดครับ หลังจากแบ่งเงินเพื่อเก็บแล้ว ก็แบ่งเงินอีกส่วนมาชำระหนี้ที่มีอย่างสม่ำเสมอทุกงวดจะได้มีประวัติเป็นลูกหนี้ที่ดี สุดท้ายเหลือเงินเท่าไหร่ก็ค่อยเอาใช้ส่วนตัวนะครับ ผมเสริมเทคนิคอีกนิดครับ ผมลองเอาเงินส่วนที่เหลือนี้ มาหารจำนวนวันที่เหลือก่อนที่เงินของเดือนใหม่จะเข้าบัญชี ผมลองตั้งวงเงินใช้จ่ายทั่วไปให้ตัวเอง 200 บาทต่อวันเท่านั้น แต่ผมยังมีเงินเหลือรายวันอีก ถึงแม้จะเหลือไม่เยอะ แต่ผมก็ได้ฝึกวินัยและสามารถลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยได้อย่างมีสติครับ
ทำไมทุกคนควรมีเงินออม หรือที่ผมเรียกว่าเงินสำรองฉุกเฉิน? เพราะหากวันใดวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อาจจะบาดเจ็บจนไม่สามารถหารายได้ในแต่ละวันได้ เราก็ยังมีเงินมาพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเงินออมนั้นยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถทำให้เราสบายใจได้มากขึ้น เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน ซึ่งเงินฉุกเฉินก้อนนี้จะทำให้เรารอดพ้นวิกฤตของชีวิต และทำให้เราไม่เป็นหนี้ก้อนโตเพิ่มนั่นเองครับ