ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น หลายคนอาจประสบปัญหาการจัดการหนี้หลายก้อน ทั้งหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จนอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระและกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด การทำความเข้าใจเรื่องหนี้เสีย (NPL) และวิธีการแก้ไข จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้ถูกขึ้นบัญชีดำในระบบการเงินครับ
หนี้เสีย (NPL) คืออะไร?
หนี้เสีย หรือ NPL (Non-Performing Loan) คือ หนี้ที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับสถาบันการเงิน โดยทั่วไปจะหมายถึงการค้างชำระเงินต้น หรือดอกเบี้ยเกิน 90 วัน สาเหตุของการเกิดหนี้เสียมีได้หลายอย่าง เช่น การสูญเสียรายได้ การบริหารจัดการการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วย หรือการตกงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ได้
หนี้เสียส่งผลกระทบกับลูกหนี้ยังไง
การมีหนี้เสียส่งผลกระทบต่อชีวิตในหลายด้าน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
- ด้านการเงิน : กระทบต่อความสามารถในการใช้จ่ายประจำวัน เนื่องจากต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และอาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งนำไปสู่การถูกยึดทรัพย์ได้ครับ
- ด้านโอกาสทางการเงิน : ส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต ทำให้ถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อ หรือได้รับข้อเสนอที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นลูกหนี้ที่มีความเสี่ยง
- ด้านจิตใจ : ก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวและการทำงาน เพราะต้องคอยกังวลเรื่องการทวงหนี้และการจัดการภาระหนี้สิน
ถ้ามีหนี้เสียจะติด Blacklist กับสถาบันการเงินไหม
เมื่อคุณมีหนี้เสีย สถาบันการเงินจะรายงานประวัติการผิดนัดชำระหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ซึ่งจะเก็บข้อมูลนี้ไว้ในระบบเป็นเวลา 3 ปี แม้ว่าคุณจะชำระหนี้เรียบร้อยแล้วก็ตาม ประวัติการค้างชำระนี้จะเป็นข้อมูลให้สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อในอนาคต และอาจทำให้คุณถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อ หรือที่เรียกว่า “ติดแบล็กลิสต์” นั่นเอง
จ่ายหนี้ไม่ไหว ทำยังไงไม่ให้กลายเป็นหนี้เสีย (NPL)
การป้องกันไม่ให้หนี้ดีกลายเป็นหนี้เสีย เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณว่า อาจมีปัญหาในการชำระหนี้ เช่น มีรายได้ลดลง มีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเพิ่มขึ้น หรือพบว่าเงินไม่พอจ่ายค่างวด อย่ารอให้ถึงจุดที่กลายเป็นหนี้เสีย เพราะจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น มาดูวิธีป้องกันและแก้ไขปัญหากันดีกว่าครับ
1. ขอปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย
การปรับโครงสร้างหนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ เพราะสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีความตั้งใจจะชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาชั่วคราวอยู่แล้ว โดยคุณสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้หลายรูปแบบ เช่น ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น ลดยอดผ่อนต่อเดือน พักชำระเงินต้นชั่วคราว หรือขอรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ทั้งนี้เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงินตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ด้วยครับ
2. เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้
คลินิกแก้หนี้เป็นโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้หลายก้อน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่เริ่มมีปัญหาในการชำระ
โครงการนี้จะช่วยรวมหนี้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือ 3-5% ต่อปี และขยายระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 10 ปี ทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนลดลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท และยังมีรายได้ประจำที่สามารถผ่อนชำระครับ
3. เข้าโครงการปิดจบหนี้เรื้อรัง
สำหรับผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงมาเป็นเวลานาน สามารถเข้าร่วมโครงการปิดจบหนี้เรื้อรังได้ โดยจะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยให้เหลือไม่เกิน 15% ต่อปี และเปลี่ยนเป็นการผ่อนชำระแบบมีกำหนดเวลาชัดเจนสูงสุด 5 ปี
โครงการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย และมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน กรณีกู้กับธนาคาร หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ในกรณีกู้กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารครับ
มีประวัติหนี้เสีย (NPL) แก้ไขยังไงให้เครดิตทางการเงินดีขึ้น
เมื่อกลายเป็นหนี้เสียแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรีบแก้ไขสถานการณ์โดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม และเพื่อฟื้นฟูประวัติเครดิตของคุณให้กลับมาดีขึ้น มาดูขั้นตอนการแก้ไขกันครับ
1. จัดการหนี้เสียที่มีให้เรียบร้อยก่อน
การแก้ไขหนี้เสียต้องเริ่มจากการติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาหาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการขอปรับโครงสร้างหนี้ การขอไกล่เกลี่ยหนี้ การขอลดหย่อนดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับ หรือการทำข้อตกลงผ่อนชำระใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องซื่อสัตย์กับเจ้าหนี้เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของคุณ และแสดงความตั้งใจจริงในการชำระหนี้ หลังจากได้ข้อตกลงแล้ว ให้พยายามรักษาการชำระหนี้ตามข้อตกลงใหม่อย่างเคร่งครัด
2. รอข้อมูลเครดิตบูโรรีเซตใหม่
ประวัติการค้างชำระหนี้จะถูกเก็บไว้ในระบบเครดิตบูโรเป็นเวลา 3 ปี แม้ว่าคุณจะชำระหนี้เรียบร้อยแล้วก็ตาม ในระหว่างนี้ ให้ใช้เวลาในการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย วางแผนการออม และหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อประวัติเครดิตถูกรีเซตใหม่ คุณจะไม่กลับไปเป็นหนี้เสียอีกครับ
3. สร้างประวัติการชำระหนี้ใหม่
หลังจากจัดการหนี้เสียเดิมเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างประวัติการชำระหนี้ใหม่ให้ดี เริ่มจากการใช้บริการทางการเงินพื้นฐาน เช่น บัญชีเงินฝาก บัตรเดบิต และพยายามใช้จ่ายอย่างมีวินัย หากต้องการสร้างประวัติเครดิตใหม่ อาจเริ่มจากการขอบัตรเครดิต หรือสินเชื่อขนาดเล็กที่มีหลักประกัน
อย่างไรก็ตาม การสร้างประวัติเครดิตใหม่ต้องใช้เวลาและความอดทน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ และต้องมั่นใจว่า สามารถชำระคืนได้ตรงเวลาทุกงวด การชำระหนี้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างประวัติเครดิตที่ดี และเพิ่มโอกาสในการได้รับสินเชื่อใหญ่ เช่น การขอสินเชื่อบ้านได้ในอนาคตครับ
สรุป หนี้เสีย (NPL) ส่งผลกระทบหลายด้าน แก้ไขก่อนจะดีที่สุด
การมีหนี้เสียส่งผลกระทบต่อชีวิตในหลายด้าน ทั้งด้านการเงิน โอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อ และคุณภาพชีวิต ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากเริ่มมีสัญญาณว่า อาจมีปัญหาในการชำระหนี้ ควรรีบปรึกษาสถาบันการเงินเพื่อหาทางแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ
หากต้องการเงินทุนหมุนเวียนในยามฉุกเฉิน สินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์จากเงินติดล้อเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยขั้นตอนการอนุมัติที่รวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม พร้อมช่วยให้คุณฝ่าวิกฤตทางการเงินไปได้อย่างมั่นคงครับ