ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และเศรษฐกิจผันผวน หลายคนอาจประสบปัญหาการชำระหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้จึงเป็นทางออกที่ช่วยให้ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้อย่างสร้างสรรค์ โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นตัวกลางช่วยเหลือ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
ไกล่เกลี่ยหนี้คืออะไร
การไกล่เกลี่ยหนี้ คือ กระบวนการระงับข้อพิพาทที่มีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลาง ช่วยเหลือให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้เจรจาต่อรองเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมบังคับคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เป็นผู้ดูแลกระบวนการให้เป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกหนี้มีโอกาสได้ปรับโครงสร้างหนี้ ขยายระยะเวลาชำระ หรือลดดอกเบี้ยตามความเหมาะสม
ข้อดีของการไกล่เกลี่ยหนี้ในฝั่งเจ้าหนี้
การไกล่เกลี่ยหนี้ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อลูกหนี้เท่านั้น แต่ยังมีข้อดีสำหรับเจ้าหนี้ด้วย เช่น
- ลดความเสี่ยงหนี้สูญ : เจ้าหนี้มีโอกาสได้รับชำระหนี้คืนมากขึ้น เมื่อปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของลูกหนี้
- ประหยัดค่าใช้จ่าย : หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและการบังคับคดีที่อาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
- รักษาความสัมพันธ์ : สามารถรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาว เปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลับมาเป็นลูกค้าที่ดีในอนาคต
ข้อดีของการไกล่เกลี่ยหนี้ในลูกหนี้
สำหรับลูกหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้มีประโยชน์ดังนี้
- โอกาสลดภาระหนี้ : อาจได้รับการลดดอกเบี้ย ค่าปรับ หรือการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระ
- หลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง : ป้องกันการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายและการถูกบังคับคดี
- ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ้างทนายความ
- รักษาประวัติเครดิต : ช่วยป้องกันผลกระทบต่อประวัติเครดิตที่อาจเกิดจากการผิดนัดชำระหนี้
เมื่อไหร่ถึงสามารถขอไกล่เกลี่ยหนี้ได้ ทำที่ไหน
ลูกหนี้สามารถขอไกล่เกลี่ยหนี้ได้ตั้งแต่เริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถูกฟ้องร้องหรือบังคับคดี สามารถติดต่อไกล่เกลี่ยหนี้ กรมบังคับคดี หรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในพื้นที่ของตน นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) หรือคลินิกแก้หนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้อีกด้วย
มีสาเหตุใดบ้างที่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับการไกล่เกลี่ยหนี้
การไกล่เกลี่ยหนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จด้วยหลายสาเหตุ ซึ่งมักเกิดจากเงื่อนไขและข้อจำกัดของทั้งสองฝ่าย โดยสาเหตุของฝั่งเจ้าหนี้มีดังนี้
1. ทำข้อตกลงใหม่กับลูกหนี้กันเอง ไม่ผ่าน ธปท.
เจ้าหนี้อาจปฏิเสธการไกล่เกลี่ยหนี้เมื่อลูกหนี้เสนอเงื่อนไขที่แตกต่างจากข้อตกลงมาตรฐานที่กำหนดไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การขอลดเงินต้น การขอยกเลิกดอกเบี้ยทั้งหมด หรือการขอพักชำระหนี้โดยไม่มีกำหนด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินในภาพรวม
2. ลูกหนี้เคยปรับโครงสร้างหนี้บ่อยครั้งแล้ว
หากลูกหนี้เคยได้รับความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ หรือพักชำระหนี้มาหลายครั้งแล้ว เจ้าหนี้อาจพิจารณาว่า ลูกหนี้อาจไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้อย่างแท้จริง จึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้
3. ลูกหนี้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
เจ้าหนี้อาจไม่ยอมรับการไกล่เกลี่ยหนี้กับลูกหนี้ที่มีอายุมาก เนื่องจากระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดออกไปอาจเกินกว่าที่เจ้าหนี้จะยอมรับความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันเพิ่มเติม
มีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้ลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยหนี้ไม่สำเร็จ
นอกจากการปฏิเสธจากเจ้าหนี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ในฝั่งลูกหนี้ที่อาจทำให้การไกล่เกลี่ยหนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนี้
1. ไม่สามารถส่งเอกสารยืนยันความเดือดร้อนได้
ลูกหนี้ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่ชัดเจนถึงสถานะทางการเงิน หรือความเดือดร้อน เช่น สลิปเงินเดือนที่ลดลง หรือเอกสารยืนยันการเลิกจ้าง ทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม
2. ยังอยู่ในระหว่างการผ่อนชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
หากลูกหนี้อยู่ระหว่างการผ่อนชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ตกลงไว้แล้ว การขอไกล่เกลี่ยหนี้ใหม่อาจไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากเงื่อนไขเดิมถือว่าได้รับการช่วยเหลือแล้ว
3. ลูกหนี้ขอลดการอายัดเงิน
การขอลดการอายัดเงินเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจของเจ้าหนี้ เนื่องจากเป็นคำสั่งศาลที่มีผลบังคับใช้แล้ว
4. ลูกหนี้ขอในเรื่องคดีที่เจ้าหนี้ทำไม่ได้
เช่น การขอให้ถอนฟ้องหรือระงับการดำเนินคดีโดยไม่มีการชำระหนี้ ซึ่งขัดต่อหลักการและนโยบายของเจ้าหนี้
5. ลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายราย และบางรายมีบุริมสิทธิเหนือกว่าเจ้าหนี้
ในกรณีที่มีเจ้าหนี้หลายราย โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่มีบุริมสิทธิ* เหนือกว่า การไกล่เกลี่ยหนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ทุกราย
(*บุริมสิทธิ หมายถึง สิทธิของเจ้าหนี้ที่มีเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตนจากทรัพย์สินนั้น ก่อนเจ้าหนี้คนอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด)
ไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดี ทำได้กี่ช่วง
แม้ว่าคดีจะเข้าสู่ชั้นบังคับคดีแล้ว ลูกหนี้ก็ยังมีโอกาสในการแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยทำหน้าที่เป็นคนกลาง ช่วยเสนอแนะแนวทางให้คู่กรณีหาทางออกร่วมกัน
การไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดีนั้น สามารถทำได้ 2 ช่วง มีรายละเอียดแตกต่างกัน ดังนี้
1. ขอไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนบังคับคดี
หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่ยังไม่มีการบังคับคดี ลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยหนี้ต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดีได้ โดยต้องยื่นคำร้องพร้อมเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาคำพิพากษา หรือเอกสารแสดงความสามารถในการชำระหนี้
เมื่อศูนย์ไกล่เกลี่ยรับเรื่องแล้ว จะนัดหมายให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้มาเจรจากัน หากการไกล่เกลี่ยสำเร็จและทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง จะมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งจะทำให้การบังคับคดียุติลง
2. ขอไกล่เกลี่ยหนี้หลังบังคับคดี
แม้จะอยู่ในชั้นบังคับคดีแล้ว ลูกหนี้ก็ยังสามารถขอไกล่เกลี่ยหนี้ได้ โดยยื่นคำร้องต่อสำนักงานบังคับคดีในพื้นที่ที่ดำเนินการบังคับคดี พร้อมแนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หมายบังคับคดี คำสั่งศาล และหลักฐานแสดงรายได้หรือความสามารถในการชำระหนี้
หากการไกล่เกลี่ยประสบความสำเร็จ เจ้าหนี้อาจยินยอมให้ถอนการยึดทรัพย์ ถอนการอายัด หรือถอนการบังคับคดีได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
สรุป มีปัญหาชำระเงิน ขอไกล่เกลี่ยหนี้ได้
การไกล่เกลี่ยหนี้เป็นทางเลือกที่ดีทั้งต่อลูกหนี้และเจ้าหนี้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างสร้างสรรค์ ในฝั่งของลูกหนี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดภาระหนี้ได้ง่ายมากขึ้น ส่วนเจ้าหนี้ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและลดความเสี่ยงหนี้สูญได้ และสำหรับใครที่มีรถบรรทุกอยู่ในมือ แล้วกำลังประสบปัญหาทางการเงินและต้องการเงินทุนหมุนเวียน นอกจากการขอไกล่เกลี่ยหนี้แล้ว การขอสินเชื่อทะเบียนรถบรรทุกจากเงินติดล้อ อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้คุณได้ เพียงใช้เล่มทะเบียนรถเป็นหลักประกัน คุณก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยที่ยังมีรถไว้ใช้งานตามปกติ