คนเป็นเจ้าของธุรกิจย่อมคาดหวังให้สินค้าถึงมือลูกค้าโดยไว เพราะรู้ดีว่าถ้ารถบรรทุกขนส่งสินค้าถึงที่หมายล่าช้า มีโอกาสมากที่จะเสียลูกค้าให้เจ้าอื่น และที่รถบรรทุกขนส่งสินค้าไปถึงช้าอาจเป็นเพราะเลือกประเภทรถบรรทุกที่นำมาใช้งานไม่เหมาะกับธุรกิจทำให้การขนส่งทุลักทุเล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มาดูกันว่า ถ้าทำธุรกิจอย่างนี้ควรเลือกประเภทรถบรรทุกเพื่อใช้ขนส่งสินค้าแบบไหนดีกว่ากัน?
เลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้าตาม 5 ประเภทธุรกิจที่ทำกันเถอะ!
ประเภทธุรกิจตามกฎหมายแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ (1) ธุรกิจแบบนิติบุคคล (2) ธุรกิจแบบไม่ใช่นิติบุคคล แต่สำหรับความนี้จะเลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้าตามประเภทธุรกิจที่ทำ เพื่อให้ได้รถบรรทุกขนส่งสินค้าที่ตอบโจทย์กับธุรกิจ ลดปัญหาสินค้าเสียหาย ขนส่งสินค้าล่าช้า โดยรถบรรทุกที่ควรเลือกใช้ คือ
ทำธุรกิจการประมง ต้องใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าแบบไหนดี?
เมื่อเจ้าของธุรกิจประมงจับสัตว์น้ำมาย่อมอยากให้สินค้าคงความสดไว้ให้นานที่สุดจนกว่าจะถึงมือลูกค้า เพราะถ้าปลาไม่สดหรือกุ้งเริ่มเน่า นอกจากสินค้าเสียหายแล้วยังทำให้เสียลูกค้าไปด้วย ดังนั้น การเลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้าสำหรับชาวประมงจะเป็นรถบรรทุกขนสินค้า 10 ล้อ รถ 6 ล้อ หรือรถกระบะ 4 ล้อก็ได้ เพียงแต่ท้ายรถบรรทุกต้องเป็นตู้แช่เย็นที่ควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพสินค้าจนกว่าจะถึงปลายทาง
ทำธุรกิจการเกษตร ต้องใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าอะไรดี?
สำหรับธุรกิจการเกษตรสามารถเลือกใช้ได้ทั้งรถบรรทุก 4 ล้อ รถบรรทุก 6 ล้อ หรือรถบรรทุก 10 ล้อ อยู่ที่ว่าผลผลิตในแต่ละงวดมีปริมาณเท่าไหร่ เช่น เก็บเกี่ยวอ้อยได้มากกว่า 15 ตัน ควรใช้รถบรรทุก 6 ล้อขนอ้อย เพราะจะได้ขนส่งผลิตภัณฑ์รอบเดียวจบ แต่ถ้าชาวไร่อ้อยนำอ้อยมาแปรรูปผลผลิตทางเกษตร ให้เป็นอ้อยตากแห้ง อาจลดขนาดรถบรรทุกลงให้เหลือรถบรรทุก 4 ล้อ เพราะผลผลิตมีน้ำหนักเบากว่า
ทำธุรกิจก่อสร้างถมที่ ขนหินดินทราย ใช้รถบรรทุกประเภทไหนดี?
เจ้าของธุรกิจก่อสร้างรับจ้างขนหินดินทราย ควรเลือกใช้รถบรรทุก 6 ล้อหรือรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป โดยกระบะหลังของรถบรรทุกต้องคอกต่ำเพราะมีพื้นที่บรรจุดินเยอะ หากใช้กระบะหลังคอกสูงอาจจะทำให้พื้นที่และความจุในกระบะนั้นกว้างจนมีน้ำหนักรถบรรทุกเกินกว่ากฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ท้ายกระบะรถขนดินควรเป็นรถดัมป์ที่ยกท้ายรถดินแบบไฮดรอลิกด้วย เพื่อทุ่นแรงในการทำงาน
ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้า ใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าแบบไหนดี?
ถ้าพูดถึงรถบรรทุกขนส่งสินค้าของธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้า จะเห็นว่ามีรถบรรทุกขนส่งสินค้าหลายประเภทมาก เช่น รถบรรทุก 4 ล้อ รถบรรทุก 6 ล้อ หรือรถบรรทุก 10 ล้อ เช่น ซึ่งประเภทรถบรรทุกจะแปรผันตามออเดอร์ที่ได้รับในแต่ละเที่ยว เช่น มีออเดอร์ในจำนวนเยอะ ต้องไปที่ท่าเรือขนส่ง ควรเลือกรถบรรทุก 10 ล้อเทลเลอร์หรือรถพ่วงจะตอบโจทย์กว่า เพราะรถสามารถบรรจุสินค้าได้เยอะและรับน้ำหนักได้มากถึง 28 ตัน
ทำธุรกิจรถแห่เครื่องดนตรี รถแห่หมอลำใช้รถบรรทุกแบบอะไรดี?
ธุรกิจรถแห่งเครื่องดนตรี รถแห่หมอลำ กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะไม่ต้องตั้งเวที มีคอนวอยให้ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าของธุรกิจรถแห่รถหมอลำรับงานได้เยอะขึ้น จะขับรถไปรับงานที่ไหนก็คล่องตัว ใครหลายคนสนใจอยากเป็นเจ้าของธุรกิจรถแห่ ซึ่งรถบรรทุกที่นิยมใช้ทำรถแห่ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป เพราะพื้นที่กว้าง ทำให้วางเครื่องดนตรีได้หลายประเภท มีเวทีให้นักร้องได้ประจำการอยู่บนรถ แต่รถแห่อาจต้องแจ้งกรมการขนส่งเกี่ยวกับการจดทะเบียนการดัดแปลงรถด้วย
วิธีเลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้าไม่ให้ผิดกฎหมายน้ำหนักรถบรรทุก
ถึงจะแนะนำให้เจ้าของธุรกิจเลือกรถบรรทุกสินค้าตามประเภทธุรกิจที่ทำ แต่อย่าลืมน้ำหนักรถบรรทุกตามที่กฎหมายรถบรรทุกกำหนดไว้ด้วย หากฝ่าฝืนกฎหมายน้ำหนักรถบรรทุกมีโทษปรับขั้นต่ำ 10,000 บาท และโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท โดยรถบรรทุกขนส่งสินค้าแต่ละประเภท ควรมีน้ำหนัก ดังนี้
- รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกิน 9.5 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกิน 15 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกิน 25 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 12 ล้อ น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกิน 30 ตัน
เพื่อให้เห็นภาพให้ชัดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักรถบรรทุก เงินติดล้อขอยกตัวอย่างเจ้าของธุรกิจการเกษตรที่เก็บผลผลิตมาแล้ว และพร้อมขนส่งไปให้ลูกค้า ควรเลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้า ดังนี้
- เก็บเกี่ยวมะพร้าวน้ำหนักไม่เกิน 1 ตัน เลือกใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าเป็นรถบรรทุกกระบะ 4 ล้อดีกว่า เนื่องจากผลผลิตมีน้ำหนักน้อย ทำให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าคล่องตัว ซอกแซกได้ทุกซอย
- เก็บเกี่ยวอ้อย น้ำหนักมากกว่า 2 ตัน เลือกใช้รถบรรทุกขนอ้อยเป็นรถ 10 ล้อขึ้นไป เพื่อให้การขนส่งถึงมือลูกค้าโดยเร็วและปิดจบงานได้ในรอบเดียว แต่ข้อเสียเปรียบคือขับซอกแซกไม่ได้
ถ้าเจ้าของธุรกิจฝ่าฝืนเรื่องอาจไม่จบที่โดนปรับตามกฎหมาย เพราะการบรรทุกเกินจะทำให้ถนนพัง รถบรรทุกมีโอกาสเสียหลักทำสินค้ากระจัดกระจาย รถคันที่ขับตามมาได้รับบาดเจ็บหรือรถพัง แม้จะจ้างคนขับรถบรรทุก แต่ผู้ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายคือเจ้าของธุรกิจอยู่ดี นี่คือความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นครับ
อยากให้ธุรกิจหมุนต่อไปได้ ควรจำนำทะเบียนรถบรรทุกที่ไหนดี
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาเงินในธุรกิจติดขัด หมุนเงินไม่ออก ไม่รู้จะหาเงินทุนทำธุรกิจที่ไหนมาทำธุรกิจต่อ ไม่ต้องหาที่ไหนไกลเลยครับ เพียงมีรถบรรทุก 1 คันสามารถจำนำทะเบียนรถบรรทุกกับเงินติดล้อได้เลย เพราะสินเชื่อทะเบียนรถบรรทุกของเงินติดล้อได้เงินไว ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน! โดยข้อดีที่คุณได้รับเมื่อขอสินเชื่อทะเบียนรถบรรทุกกับเงินติดล้อ คือ
- อนุมัติเร็ว ได้เงินไว ได้วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท
- ไม่ต้องโอนเล่ม มีรถบรรทุกไว้สร้างรายได้
- รับรถอายุสูงสุด 30 ปี
- ผ่อนจ่ายได้สูงสุดนาน 60 เดือน
- ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.58% ต่อเดือน
- โปะหนี้ได้ด้วยการลดต้นลดดอก
คุณสามารถนำเงินจากสินเชื่อทะเบียนรถบรรทุกไปอุดรอยรั่วให้กับธุรกิจได้เลย เช่น มีรถบรรทุก 1 คันอยากซื้อเพิ่มอีก 2 คัน หรือใช้เงินซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบในการทำธุรกิจเพิ่มเพื่อให้ผลผลิตงอกเงยในอนาคต เป็นต้น
สรุป
การเลือกรถบรรทุกขนส่งสินค้าให้ตรงกับประเภทธุรกิจที่ทำและคำนึงถึงน้ำหนักรถบรรทุกตามกฎหมายรถบรรทุกจะช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดโอกาสการเสียลูกค้าของธุรกิจ เพราะรถขนส่งไปตรงตามเวลานัด ผลผลิตหรือสินค้าปลอดภัยไม่เสียหาย แต่ถ้าวันใดเกิดการติดขัดเรื่องการเงินในธุรกิจ อยากกู้เงินด่วนไปหมุน อย่าลืมนึกถึงการกู้สินเชื่อทะเบียนรถบรรทุกของเงินติดล้อนะครับ เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่มีสะดุดหกล้มนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก