ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามากๆ การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ถ้านึกอยากซื้อของออนไลน์ แค่เลือกร้านค้าออนไลน์ สั่งของ จ่ายเงิน ก็รอรับสินค้าได้เลย ไม่ต้องไปซื้อของหน้าร้านให้เสียเวลา เมื่อมีความสะดวกสบายในการจ่ายเงิน ทำให้หลายคนตกอยู่ในสภาวะเงินช็อต เพราะใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับการช้อปออนไลน์ ยิ่งหน้าเทศกาลที่ร้านค้าจัดโปรโมชั่นสินค้ายิ่งทวีคูณความเสี่ยงที่จะใช้เงินตัวจนเป็นหนี้ ดังนั้น มาดูกันว่า มีวิธีเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับการช้อปปิ้งออนไลน์ยังไงบ้างนะ?
เช็กลิสต์! ว่าอะไรที่ทำให้คุณใช้เงินเกินตัวเพราะช้อปปิ้งออนไลน์
ช้อปปิ้งออนไลน์เป็นหนึ่งวิธีคลายเครียดที่ดี เพราะเป็นการซื้อความสุขให้กับตัวเองที่ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาได้ หรือให้รางวัลตัวเองที่ทำตามเป้าหมายบางอย่างตามที่ตั้งใจไว้ แต่บางคนก็ช้อปปิ้งออนไลน์จนหยุดตัวเองไม่ได้ ชนิดที่ว่ากำลังจะเป็นหนี้ในอีกไม่ช้านี้ เพื่อไม่ให้เป็นการก่อหนี้กองโตที่จะทำร้ายสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต นี่คือเหตุผลที่ทำให้คุณเงินไม่พอใช้เพราะช้อปปิ้งออนไลน์แบบไม่ระมัดระวัง
ใช้เงินเกินตัวเพราะช้อปปิ้งออนไลน์ตอนอารมณ์ไม่ดี!
ช้อปปิ้งแก้เครียด (Shopping Therapy) คือการบำบัดความเครียดด้วยการซื้อของ เพราะนี่จะทำให้ผู้ซื้อรู้สึกมีอำนาจครอบครองอะไรบางอย่าง แต่คุณต้องหักห้ามใจเวลาช้อปแก้เครียด เพราะความเครียดมีผลต่อการควบคุมสติ เมื่อไร้สติจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนไม่คุมวงเงิน ยิ่งช้อปออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตโอกาสที่เป็นหนี้บัตรเครดิตก็มากขึ้น สุดท้ายจากที่ได้ครอบครอง กลายเป็นว่าหนี้บัตรเครดิตกำลังครอบครองคุณอยู่ เพราะต้องหาเงินมาจ่ายค่าบัตรเครดิต พอจ่ายไม่ไหวก็จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำไปก่อน วัฏจักรหนี้เลยไม่มีวันสิ้นสุด
วิธีเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับช้อปปิ้งออนไลน์คือสร้างอุปสรรคในการจ่ายเงิน
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเทคโนโลยีทำให้การจ่ายเงินมันง่ายขึ้นในพริบตา เลยเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณใช้เงินฟุ่มเฟือยเพราะจ่ายเงินผ่าน Mobile Banking หรือจ่ายเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต แต่ถ้าอยากหาวิธีเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับการช้อปปิ้งออนไลน์ คุณต้องสร้างอุปสรรคในการจ่ายเงิน เช่น
- ลบข้อมูลบัตรเครดิตที่ผูกไว้ในแอปซื้อของออนไลน์ เพื่อให้รู้สึกว่ากว่ายากลำบากเหลือเกินกว่าจะซื้อของออนไลน์ได้ เพราะต้องกรอกข้อมูลใหม่ ทั้งชื่อและนามสกุล เลขบัตรเครดิต เลขหลังบัตรเครดิต และรอรหัส OTP 6 หลัก เพื่อยืนยันตัวตนในขั้นตอนสุดท้ายก่อนบัตรเครดิตจะตัดเงินไป
- คิดให้ดีว่าการใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่อช้อปปิ้งออนไลน์ที่กำลังจะซื้อตอนนี้จำเป็นกับชีวิตมากไหม แยกให้ออกระหว่างความอยากได้กับความจำเป็น เช่น อยากผ่อนมือถือเครื่องใหม่ แต่มือถือเครื่องเก่าก็ยังใช้งานได้ปกติ ที่อยากได้ก็เพราะว่าเป็นสินค้าออกใหม่ ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อ เป็นต้น
ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้เพราะมีสิ่งเร้าให้ตัดสินใจช้อปปิ้งออนไลน์
สิ่งเร้าใจหรือสิ่งกระตุ้นมักทำให้คนขาดสติมากๆ และในแง่ของการช้อปปิ้งออนไลน์ก็มีสิ่งล่อตาล่อใจให้ลูกค้าควักเงินจ่ายสินค้าอยู่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งเร้าใจให้ใช้เงินเกินตัวคือ
- โปรโมชั่นร้านค้าออนไลน์ที่ลดแลกแจกแถมในช่วงเทศกาล เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ช่วง 12.12 ลดราคา 50% พร้อมส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ หรือ Midnight Sale ลดสูงสุด 70% พร้อมเครดิตเงินคืนทุก 200 บาท ซึ่งแคมเปญเหล่านี้เป็นสิ่งเร้าใจทำให้คุณช้อปปิ้งออนไลน์เพราะกลัวพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของ
วิธีเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยกับการช้อปออนไลน์คืออย่าเคลิบเคลิ้มไปกับการรีวิวสินค้าของเหล่า Influencer ทั้งในทวิตเตอร์ ติ๊กต๊อก หรือเฟซบุ๊ค เพราะพวกเขามาพร้อมกับคีย์เวิร์ดที่ทำให้คุณหลงกลจนอยากช้อปปิ้งออนไลน์ แต่ถ้าสินค้าที่ Influencer รีวิวนั้นดี มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต ก็ซื้อเลย เพียงแต่ว่าอย่าลืมใช้โค้ดส่งฟรีหรือโค้ดส่วนลดสินค้าเพื่อใช้เงินเกินตัวน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำได้ไหม ถ้าช้อปปิ้งออนไลน์จนเป็นหนี้?
การจ่ายบัตรเครดิตที่ดีคือการจ่ายยอดเต็มจำนวนและตรงเวลา เพราะธนาคารมองว่าคุณเป็นลูกหนี้ที่ดีที่รักษาเครดิตได้ดีเยี่ยม แต่หลายคนก็ไม่สามารถจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตแบบเต็มจำนวนได้ เลยเลือกจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำเพื่อรักษาสถานะทางการเงินให้เป็นปกติ ไม่เสียประวัติการจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตประจำเดือน
ซึ่งเงินค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำจะคิดเป็นกี่บาท ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแต่ละแห่งจะกำหนดเปอร์เซ็นต์การชำระขั้นต่ำเอาไว้เท่าไหร่ เช่น 3% 5% หรือ 10% จากยอดบัตรเครดิตเต็มจำนวน แม้จะเป็นเงื่อนไขในการรักษาประวัติการเงินที่ดี แต่รู้ไหมว่าการเลือกจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำมีผลลัพธ์ที่คุณต้องยอมรับให้ได้ด้วย คือ
จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำจะถูกคิดดอกเบี้ย 2 ยอด
หลังจากใช้เงินเกินตัวจนต้องจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ คุณจะถูกคิดดอกเบี้ย 2 ยอด คือ (1) คิดดอกเบี้ยจากยอดรูดบัตรเครดิตนับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ต้องจ่าย (2) คิดดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือที่ได้จ่ายเงินขั้นต่ำไปแล้ว โดยคิดตั้งแต่วันที่จ่ายขั้นต่ำจนถึงวันสรุปยอดบัญชีในเดือนถัดไป หมายความว่า ถึงวิธีจ่ายขั้นต่ำช่วยรักษาประวัติการเงินให้ดี แต่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากการจ่ายขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งยังไงก็ไม่คุ้ม
จ่ายเงินบัตรเครดิตขั้นต่ำไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย
โดยปกติแล้วสถาบันการเงินจะมอบ “ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย” ให้ระยะเวลา 44-55 วัน สมมติ วันตัดรอบบิลบัตรเครดิตคือวันที่ 15 ของทุกเดือน และมีวันจ่ายเงินบัตรเครดิตภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป หมายความว่าตั้งแต่วันที่ 15 จนถึงวันที่ 10 ของเดือนถัดไปสามารถจ่ายเงินบัตรเครดิตได้ หากจ่ายเงินเกินระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยและจ่ายเงินไม่เต็มจำนวน ทางสถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้
ถ้าใช้เงินฟุ่มเฟือยจนเป็นหนี้บัตรเครดิต หาเงินก้อนที่ไหนมาหมุนดี?
หากคุณไหวตัวทันว่าถ้ายังช้อปปิ้งออนไลน์อยู่อย่างนี้ มีโอกาสที่จะต้องก้าวเข้าสู่สังเวียนการจ่ายเงินบัตรเครดิตขั้นต่ำ เพราะต่อให้ร้านค้าออนไลน์มีโปรโมชั่นว่าผ่อน 0% แต่ถ้ายอดผ่อน 0% เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 1 ยอดเป็น 5 ยอดหรือมากกว่านั้น ยังไงก็ไม่สามารถจ่ายเงินบัตรเครดิตเต็มจำนวนได้อีกต่อไป เพราะรายได้สวนทางกับรายจ่าย ส่งผลให้หมุนเงินไม่ทัน เงินช็อต หรือเงินไม่พอใช้ แล้วจะหาเงินก้อนจากไหนดี?
ถ้าคุณมีทรัพย์สินเป็น “รถยนต์” ที่ชื่อเดียวกับตนเอง แล้วร้อนเงินมากๆ อยากกู้เงินด่วนเงินก้อนที่ไม่ใช่การกู้เงินแอปเถื่อน หรือไม่อยากกู้เงินกับ SMS หลอกให้กู้เงิน ฯลฯ เงินติดล้ออยากแนะนำให้คุณขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อได้เลย เพราะเราอยากให้คนที่เป็นหนี้มีอนาคตการเงินที่สดใสมากกว่าที่เป็นอยู่ สามารถหมุนเงินให้คล่องมือมากขึ้น ซึ่งข้อดีของการกู้สินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อคือ
- ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ต้องโอนเล่มรถยนต์ให้เงินติดล้อ
- เลือกผ่อนจ่ายได้นานสูงสุด 60 เดือน โดยไม่กระทบกับการเงิน
- ได้รับบัตรติดล้อเป็นเงินก้อนสำรอง ไม่กดใช้ไม่เสียดอกเบี้ย
หรือในกรณีที่คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตไปแล้ว มีหนี้เสีย หรือติดเครดิตบูโร ก็สามารถทำเรื่องขอกู้สินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อได้เลย เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราอยากเห็นคุณมีอนาคตการเงินที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
สรุป
การช้อปปิ้งออนไลน์หน้าเทศกาลเวลาร้านค้าจัดโปรโมชั่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรจำกัดงบในการช้อปด้วยว่าไม่ควรเกินเท่าไหร่ต่อเดือนเพื่อไม่ให้กระทบกับสภาพคล่องทางการเงินจนกลายเป็นหนี้บัตรเครดิต ซึ่งบัตรเครดิตมีหลุมพรางที่ชื่อว่า “จ่ายเงินขั้นต่ำ” แม้จะรักษาประวัติการเงินให้ดีแต่สิ่งนี้ตามมาด้วยดอกเบี้ยที่ทวีคูณขึ้น เมื่อยอดบัตรเครดิตเยอะขึ้นเลยทำให้คุณเงินไม่พอใช้คุณเลยจ่ายหนี้บัตรเครดิตไม่ไหว ดังนั้น ถ้าอยากหาเงินก้อนมาปิดหนี้บัตรเครดิต การขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, prnewswire