ต้องผ่อนมือถือรุ่นใหม่ยังไง ที่ไม่สร้างภาระหนี้ให้ตัวเอง

ตอนนี้วงการไอทีไม่มีอะไรฮือฮาไปกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone 14 ที่ ออกสีใหม่ที่ Apple ขายและพัฒนาระบบการใช้งานแบบใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของทุกคน ทำเอาโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันเริ่มมีอาการงอแงอยู่ ๆ ก็ติดแล้วดับ คล้ายกับว่าจะจากโลกนี้ไปเพื่อให้คุณได้ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ยังไงยังงั้น เงินติดล้อเลยถือโอกาสนี้ ชวนทุกคนมาดูกันว่าเหตุผลจริง ๆ ที่อยากได้ไอโฟน 14 เครื่องใหม่คืออะไร ถ้าอยากผ่อนมือถือเครื่องใหม่นี้ ควรมีหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ เพื่อให้คุณไม่ประสบปัญหาทางการเงิน

สำหรับใครที่ชอบฟัง Podcast เงินติดล้อมีช่องทางให้คุณได้ติดตามความรู้เกี่ยวกับการเงินสนุกสุดเพลิดเพลินแล้ว โดยใน EP.17 อยากผ่อนมือถือใหม่ต้องคิดให้ดี มีให้บริการทั้งใน Spotify, Podbean

ผู้ดำเนินรายการ

• คุณ มิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (Training Specialist, Financial Education)
• คุณ เบญจวรรณ พิรุฬห์รุ่งเรือง (Training Specialist, Financial Education)

ชวนตั้งคำถาม เหตุผลที่อยากได้มือถือเครื่องใหม่คืออะไร?

หลายคนคงตกอยู่ในสภาวะลังเลใจว่าจะซื้อมือถือเครื่องใหม่หรือไม่ซื้อดี แล้วเวลาที่เกิดการถกเถียงกับตัวเอง คุณมักหาเหตุผลให้กับความลังเลนั้น ว่าเหตุผลที่อยากได้และไม่อยากได้ไอโฟนเครื่องใหม่คืออะไร เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งการหาเหตุผลในการจ่ายเงินแต่ละครั้งนั้น อย่าลืมคำนึงถึงด้วยว่า “ซื้อเพราะความจำเป็นหรือซื้อเพราะความอยากได้” เช่น

• อยากได้ไอโฟนเครื่องใหม่ เพราะใช้เครื่องเก่ามา 4 ปีแล้ว ใช้คุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไปแล้ว
• อยากซื้อมือถือใหม่ เพราะเวลาเปิดแชตทำงานก็ช้า อืด ทำให้ทำงานล่าช้า ไม่ทันใจ
• อยากได้มือถือใหม่ เพราะจะได้ถ่ายรูปสินค้าสวย ๆ ตัดต่อวิดีโอขนาดไฟล์เล็กให้มีคุณภาพ
• อยากซื้อโทรศัพท์ใหม่ เพราะเปิดแผนที่มักพาหลงทุกที เสียเวลา และเสี่ยงอันตราย

ควรมีหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ จะได้ผ่อนไอโฟนได้แบบไร้กังวล

“ควรมีหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้” เป็นการตั้งข้อสังเกตที่ดีมาก เพราะจะได้รู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการจ่ายหนี้ต่อเดือนเท่าไหร่ถึงไม่กระทบกับรายได้ประจำเดือน หรือเกิดเหตุการณ์อย่างเช่น เงินไม่พอใช้ เงินช็อต หมุนเงินไม่ทัน ซึ่งการคิดว่าต้องมีหนี้เท่าไหร่ถึงจะไม่เกินเกณฑ์ ทางตลาดหลักทรัพย์ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า

“ควรมีหนี้ไม่เกิน 35-45% ของรายได้ทั้งหมด เช่น ถ้าได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ภาระหนี้สินที่มีได้ไม่ควรเกิน 6,000 บาท และนำเงินที่เหลือไปแบ่งเป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายประจำเดือน”*

เลยทำให้บางคนอาจสงสัยว่า การซื้อไอโฟนเครื่องใหม่ควรจ่ายด้วยเงินสดหรือจ่ายบัตรเครดิตดีกว่ากัน เพราะถ้าใช้เงินสดจ่ายก็เป็นวิธีที่ดี ไม่ต้องมีภาระตามมา หรือมีเงินสดแต่เลือกซื้อไอโฟน 14 ด้วยบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนไอโฟน 0% นาน 10 เดือน (จำนวนเดือนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบัตรที่ใช้งานและค่ายโทรศัพท์) แล้วไม่เป็นภาระ เพราะใช้เงินสดที่มีทยอยจ่ายรายเดือน ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้ก็จะไม่กระทบกับกระแสเงินสดของคุณ

แต่หลายคนมักเลือกผ่อนไอโฟน (หรือสินค้าประเภทอื่น ๆ) โดยไม่มีเงินเก็บ เพราะคิดว่าก็ให้ธนาคารจ่ายเงินกับร้านค้าไปก่อนแล้วค่อยมาผ่อนกับธนาคารทีหลัง ซึ่งการจ่ายบัตรเครดิตอย่างนี้อาจทำให้คุณมีเรื่องจ่ายหนี้เพิ่มขึ้น แล้วถ้ามีหนี้เพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีปัญหากับสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต เลยเป็นเหตุผลที่ว่าคุณควรคำนวณความสามารถในการจ่ายหนี้ก่อนว่า ถ้าซื้อไปแล้วจ่ายหนี้ไหวไหมหรือจ่ายได้เท่าไหร่ต่อเดือน

การเป็นหนี้ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายถ้ามีภาระหนี้ในระดับที่เหมาะสม หรือที่เรียกว่า “ไม่เป็นหนี้เกินกว่ารายได้” ถ้าทำได้ คุณจะมีสภาพคล่องทางการเงิน มีเงินไว้ใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ นั่นเอง

*โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 40% ของรายได้*

ซื้อมือถือเครื่องใหม่แล้ว อย่าลืมจดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มด้วย!

ซื้อมือถือใหม่แล้วไม่ได้จบเลยนะครับ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มมาด้วย ถ้าคุณคิดไม่ออกลองนึกตามรายจ่ายในส่วนที่เหลือหลังจากซื้อไอโฟน 14 ที่เงินติดล้อยกตัวอย่าง ดังนี้

• อุปกรณ์เสริมของไอโฟน เช่น สายชาร์จไอโฟน อะแดปเตอร์ไอโฟน
• ค่าประกันมือถือ เอาไว้ใช้เวลาซ่อมมือถือ
• เคสมือถือ ฟิล์มหน้าจอมือถือ
• อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ จากผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน เช่น หูฟัง หูฟังไร้สาย สมาร์ตวอช

จะเห็นว่า เวลาซื้อสินค้าอะไรก็ไม่ได้จบแค่การจ่ายเงินสิ่งนั้น ขนาดผ่อนไอโฟน 14 ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมตามมาเลย ดังนั้น ไม่ว่าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ซื้อบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้น ควรลิสต์รายจ่ายทั้งหมดให้เห็นภาพว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง จะได้รู้ว่าจ่ายไหวหรือไม่ไหว

รูดบัตรเครดิตผ่อน 0% ก็มีโอกาสสร้างภาระหนี้เพิ่มขึ้น

การใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0% นาน 10 เดือน (ระยะเวลาในการผ่อนจ่ายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบัตรและโปรโมชัน) ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคุณมียอดผ่อนสินค้า 0% หลายยอด อาจทำให้การเงินสั่นคลอน จนอาจมีหนี้เกินกว่ารายได้ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น นี่คือตัวอย่างของนางสาวเอกับการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ

นางสาวเอ อยากได้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เลยตัดสินใจผ่อน 0% กับเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 รายการด้วยบัตรเครดิต แต่ระหว่างที่ผ่อนก็อยากได้เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นอื่น ๆ เพิ่มเติม เลยเลือกผ่อน 0% ด้วยบัตรเครดิตเหมือนเดิม จากตอนแรกมีแค่ 1 รายการก็เพิ่มเป็น 2 รายการ จนกระทั่งมียอดรวมทั้งหมดในตอนสุดท้ายคือ 10 รายการ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือนางสาวเอไม่สามารถชำระเงินคืนให้กับธนาคาร เพราะก่อนหน้านั้นไม่ได้คำนวณว่าควรมีหนี้ไม่เกินเท่าไหร่ของรายได้ให้ดี เลยทำให้มีภาระหนี้เกินรายได้ จากที่จ่ายบัตรเครดิต 0% ก็เปลี่ยนเป็นการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำแทน ซึ่งการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำมีดอกเบี้ยตามมาด้วย

เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้นางสาวเอเลยใช้วิธีกู้หนี้มาใช้หนี้ เพราะหวังเอาไว้ว่าหนี้จะหมดเข้าสักวัน แต่เงินติดล้อต้องบอกว่าโอกาสน้อยมาก เนื่องจากเงินที่ได้มาจากการกู้ก็ต้องนำมาจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ที่ไม่มีวันจบลงง่าย ๆ อีกหนึ่งหนทางที่ดีถ้าคิดอยากจะแก้หนี้คือนางสาวเอต้องโฟกัส “เงินสด” เช่น

• ค่าหนี้ที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนเท่าไหร่
• ค่าใช้จ่ายประจำเดือนเป็นเงินเท่าไหร่

หลังจากนั้นนางสาวเอต้องหารายได้เสริมเพื่อให้มีเงินใช้หนี้และกระแสเงินสดจะได้ไม่ติดลบ เงินติดล้อจึงอยากให้คุณคิดและวางแผนให้ดีว่าการซื้ออะไรสักอย่างนั้นเป็นการสร้างภาระให้ตัวเองอยู่ไหม

สรุป

ก่อนผ่อนไอโฟน 14 หรือสินค้าประเภทอื่น ๆ อยากให้คุณคำนวณความสามารถในการจ่ายหนี้ก่อนว่าไหวไหม เพราะถ้าหนี้เกินกว่ารายได้ก็มีโอกาสที่จะจ่ายหนี้ไม่ไหวจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต แม้ว่าใช้วิธีผ่อนบัตรเครดิต 0% แต่ก็สร้างหนี้ได้เหมือนกัน ถ้ายอดผ่อน 0% มีจำนวนมากกว่ารายได้ทั้งหมด จากที่เคยจ่ายเต็มจำนวนแบบ 0% ก็จะกลายเป็นจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำทันที ดังนั้น เป็นหนี้เมื่อพร้อมดีที่สุด

ติดตามข่าวสารหรือความรู้การเงินได้ที่ เงินติดล้อ Podcast ที่จะช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินของคุณหมุนต่อไปได้อย่างราบรื่น ผ่านช่องทางเหล่านี้เลยครับ Spotify, Podbean