การมีรถส่วนตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างมาก แต่ก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้นคือ การทำประกันภาคบังคับ หรือการทำพ.ร.บ.รถตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง แต่เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองขั้นพื้นฐานเท่านั้น อาจไม่เพียงพอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ดังนั้น การซื้อประกันภาคสมัครใจเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม และเหมาะสมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบรอบด้าน
ประกันภาคสมัครใจคืออะไร
ประกันภาคสมัครใจ หรือที่เรียกกันว่า ประกันรถ คือ การทำประกันภัยที่เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของเจ้าของรถ สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมจากประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม และเหมาะสมกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถมากยิ่งขึ้น ดังนี้
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถของคุณ ทั้งจากอุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ และรถสูญหาย
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารภายในรถ เช่น การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
ประกันภาคสมัครใจจึงช่วยให้ผู้ขับขี่ และเจ้าของรถทุกคน มีหลักประกันที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากการใช้รถในทุกด้าน ทั้งต่อตัวรถของคุณเอง ต่อบุคคลภายนอก และต่อผู้โดยสารภายในรถ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมากเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ประกันภาคสมัครใจเหมาะกับใครบ้าง
นอกจากประกันภาคสมัครใจเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้าของรถทุกคนแล้ว คนที่กำลังผ่อนรถอยู่ แม้จะยังไม่ใช่เจ้าของรถโดยสมบูรณ์ หรือผู้ครอบครองรถที่ใช้รถคันนั้นเสมือนเป็นเจ้าของ ก็ควรทำประกันรถเอาไว้ เพราะจะช่วยคุ้มครองทั้งรถและคุณจากความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถคันนั้นด้วย
ประกันภาคสมัครใจกับภาคบังคับต่างกันยังไง
ประกันภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. เป็นการประกันภัยขั้นพื้นฐานที่กฎหมายบังคับให้เจ้าของรถทุกคนต้องมี โดยจะคุ้มครองร่างกายและชีวิตของผู้ประสบภัยจากการใช้รถ ทั้งเป็นฝ่ายผิด และถูก ถ้าเกิดความเสียหายขึ้น ผู้เสียหายก็จะได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ในขณะที่ประกันภาคสมัครใจจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า ทั้งต่อตัวรถ ผู้โดยสาร และความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น อย่างการโจรกรรม และภัยธรรมชาติ
ประกันภาคสมัครใจมีอะไรบ้าง
นอกจากการเลือกโบรกเกอร์ประกันแล้ว ต้องเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานรถของคุณด้วย เพื่อให้จ่ายค่าเบี้ยประกันได้อย่างคุ้มค่า มาดูกันว่าประกันรถยนต์ภาคสมัครใจคุ้มครองอะไรบ้าง โดยประกันภาคสมัครใจที่พบบ่อย มีดังนี้
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 1
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 1 เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุด เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ มีความคุ้มครองครบทั้ง 3 หมวดหลัก ได้แก่
- หมวดความรับผิดต่อบุคคลภายนอก คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก กรณีรถของผู้เอาประกันเป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหาย
- หมวดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ โดยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ และสูญหายไฟไหม้
- หมวดความคุ้มครองเพิ่มเพื่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยคุ้มครองชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้โดยสารในรถยนต์ รวมถึงการประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ด้วยความครอบคลุมทั้ง 3 หมวดหลักนี้ ทำให้ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุด สำหรับตัวรถและความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก อย่างไรก็ตาม ค่าเบี้ยประกันก็จะสูงกว่าประเภทอื่นด้วยเช่นกัน
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 2
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 2 ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประเภท 1 แตกต่างกันตรงที่ไม่มีการคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน มีความคุ้มครอง 2 หมวดหลัก ได้แก่
- หมวดความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เหมือนกับประเภท 1 คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก กรณีรถของผู้เอาประกันเป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหาย
- หมวดความสูญหายไฟไหม้ เหมือนกับประเภท 1 คุ้มครองความเสียหายจากการสูญหาย ไฟไหม้ โดยจะไม่มีการคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถผู้เอาประกัน จากอุบัติเหตุ การชน หรือภัยธรรมชาติ เหมือนในหมวดที่ 2 ของประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1
- หมวดความคุ้มครองเพิ่มเพื่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยคุ้มครองชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้โดยสารในรถยนต์ รวมถึงการประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 3
ประกันภาคสมัครใจ ประเภท 3 ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับประเภท 1 และ 2 โดยจะคุ้มครองเพียงความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก ถ้ารถของผู้เอาประกันเป็นฝ่ายก่อให้เกิดอุบัติเหตุนั้น ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ภาคสมัครใจ
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจากอุบัติเหตุ การสูญหาย ไฟไหม้ หรือการโจรกรรม ผู้เอาประกันจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เองทั้งหมด ค่าเบี้ยประกันจึงถูกที่สุด
ประกันภาคสมัครใจแบบคุ้มครองเฉพาะภัย หรือประกันภัยประเภท 5
การประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย หรือกรมธรรม์ประกันภัยประเภท 5 เป็นแบบประกันที่พัฒนาขึ้นมาในภายหลัง แบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันชั้น 2 ปกติ แต่เพิ่มคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ หรือภัยธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย โดยจะคุ้มครองกรณีที่รถชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และต้องมีคู่กรณีอยู่ด้วย ให้ความคุ้มครอง ดังนี้
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ
- คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย กรณีชนกับยานพาหนะทางบก
- คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์คันเอาประกัน
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันชั้น 3 ปกติ มีการคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ โดยจะคุ้มครองกรณีที่รถชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และต้องมีคู่กรณีเช่นกัน
- คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ
- คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย กรณีชนกับยานพาหนะทางบก
สรุป เหตุผลที่คนมีรถต้องทำประกันภาคสมัครใจ
เหตุผลสำคัญที่คนมีรถต้องทำประกันภาคสมัครใจ หรือประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ คือ ช่วยลดภาระทางการเงิน เพราะความเสียหายจากอุบัติเหตุมักมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยความเสียหายต่าง ๆ การทำประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ อีกทั้งถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ก็มีประกันคอยช่วยเหลือ ช่วยเพิ่มความสบายใจ และความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างแน่นอน เช็คเบี้ยประกันรถยนต์กับประกันติดโล่ หรือให้เราช่วยเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับการใช้รถของคุณได้
ที่มา: สมาคมประกันวินาศภัยไทย