รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี? แจกวิธีคิดพร้อมเช็กสิทธิ์ลดหย่อน

รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี? แจกวิธีคิดพร้อมเช็กสิทธิ์ลดหย่อน
รถของคุณผ่อนหมดแล้วหรือยัง?
กรุณากรอกชื่อภาษาไทย
กรุณากรอกเฉพาะตัวเลข

การกดยืนยันข้อมูล แสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

การวางแผนภาษีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกคน เพราะการรู้ว่า รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี? และมีสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง? จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย และอาจได้เงินคืนภาษีกลับมาเป็นเงินก้อนในช่วงต้นปีด้วย เงินติดล้อจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการคำนวณภาษี พร้อมเช็กลิสต์สิทธิลดหย่อนมาให้ครบจบในที่เดียวครับ

รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี

วิธีคำนวณภาษี

คุณจะต้องรู้ก่อนว่า รายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี เพื่อที่จะได้ไม่พลาดการยื่นภาษีจนทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยคนไทยที่มีรายได้ตั้งแต่ 120,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 10,000 บาท มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคน แต่การที่ต้องยื่นภาษีไม่ได้หมายความว่า จะต้องเสียภาษีเสมอไป เพราะผู้ที่มีเงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนแล้วไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี

เงินได้สุทธิคืออะไร? เงินได้สุทธิก็คือจำนวนเงินที่เหลือหลังจากนำรายได้ทั้งปีมาหักลบกับค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่างๆ ซึ่งจะเป็นตัวเลขสุดท้ายที่นำไปคำนวณภาษีแบบขั้นบันได ดังนั้น การรู้จักใช้สิทธิลดหย่อนให้เป็นจึงมีผลอย่างมากต่อจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายครับ

สิทธิลดหย่อนภาษีเบื้องต้นที่ทุกคนต้องมี

มนุษย์เงินเดือนทุกคนมีสิทธิลดหย่อนภาษีพื้นฐานที่ควรทราบ ได้แก่ ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าประกันสังคม 9,000 บาท และค่าใช้จ่ายแบบเหมา 100,000 บาท เมื่อรวมกันแล้ว จะช่วยลดภาระภาษีได้ถึง 169,000 บาท ดังนั้นหากคุณมีเงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนพื้นฐานแล้วไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีนั่นเอง

ตารางอัตราภาษีตามขั้นบันได

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบันใช้ระบบขั้นภาษีบันได ซึ่งอัตราภาษียิ่งสูงขึ้นตามจำนวนเงินได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

เงินได้สุทธิ (บาท)

อัตราภาษี

ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้

ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น

0 - 150,000 

ยกเว้น

ยกเว้น

0

150,001 - 300,000

5%

7,500

7,500

300,001 - 500,000

10%

20,000

27,500

500,001 - 750,000

15%

37,500

65,000

750,001 - 1,000,000

20%

50,000

111,500

1,000,001 - 2,000,000

25%

250,000

365,000

2,000,001 - 5,000,000

30%

900,000

1,265,000

5,000,001 บาทขึ้นไป

35%

-

-

เงินเดือนเท่านี้ เสียภาษีเท่าไหร่ คำนวณง่ายๆ ด้วยวิธีนี้ได้เลย

หลายคนอาจสงสัยว่า เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี และต้องจ่ายเท่าไหร่ เรามาดูวิธีคำนวณกันแบบง่ายๆ โดยเริ่มจากการหาเงินได้สุทธิกันก่อนครับ

  • สูตรคำนวณเงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี - ค่าลดหย่อนส่วนตัว - ค่าประกันสังคม - ค่าใช้จ่ายแบบเหมา (ถ้ามีค่าลดหย่อนภาษีอื่นๆ ก็สามารถนำมาลบในขั้นตอนนี้ได้เลย)
  • เมื่อได้เงินได้สุทธิแล้ว ให้นำไปคำนวณภาษีต่อ โดยใช้สูตร [(เงินได้สุทธิ - เงินได้สุทธิสูงสุดขั้นก่อนหน้า) X อัตราภาษี] + ภาษีสะสมขั้นก่อนหน้า ก็จะได้จำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายนั่นเอง

ยกตัวอย่างการคำนวณภาษี

หากนายสมชาย มีรายได้ตลอดทั้งปีเท่ากับ 700,000 บาท และมีสิทธิลดหย่อนภาษีเบื้องต้นเท่านั้น ได้แก่ ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท ค่าประกันสังคม 9,000 บาท และค่าใช้จ่ายแบบเหมา 100,000 บาท นายสมชายจะต้องเสียภาษีดังนี้

  • เงินได้สุทธิ = 700,000 - 60,000 - 9,000 - 100,000 = 531,000 บาท
  • เงินได้สุทธิ 531,000 บาท อยู่ในขั้นอัตราภาษี 15% และมีภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้าที่ 27,500 บาท
  • นายสมชายจะต้องจ่ายภาษี = [(531,000 - 500,000) X 15%] + 27,500 = 32,150 บาท นั่นเอง

สิทธิลดหย่อนภาษีอื่นๆ ที่ควรศึกษาไว้

สิทธิลดหย่อนภาษี

จากตัวอย่างจะเห็นว่า การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเบื้องต้นอย่างเดียว อาจทำให้คุณต้องเสียภาษีในจำนวนที่สูง การรู้จักสิทธิลดหย่อนภาษีอื่นๆ จะช่วยลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น ซึ่งเงินติดล้อได้รวบรวมสิทธิลดหย่อนภาษีที่สำคัญมาให้แล้วครับ

หมวดส่วนตัวและครอบครัว

  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท (เฉพาะคู่สมรสที่จดทะเบียนและไม่มีรายได้)
  • ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร ไม่เกิน 60,000 บาทต่อครรภ์
  • ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท โดยหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน (ถ้าบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท)
  • ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุเกินกว่า 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน (รวมพ่อแม่ของคู่สมรสได้) สามารถลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน หรือสูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท
  • ค่าอุปการะผู้พิการ หรือทุพพลภาพ 60,000 บาทต่อคน

หมวดประกันและการลงทุน

  • เบี้ยประกันชีวิตและสะสมทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพ ไม่เกิน 25,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ไม่เกิน 15,000 บาท 
  • กองทุน RMF ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 500,000 บาท
  • กองทุน SSF ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 200,000 บาท
  • กองทุน PVD/กบข. ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุด 500,000 บาท
  • เบี้ยประกันบำนาญ ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุด 200,000 บาท

หมวดเงินบริจาค

  • เงินบริจาคทั่วไป ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิ
  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา และสาธารณะ ลดหย่อนได้ 2 เท่า แต่สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อนภาษี
  • เงินบริจาคพรรคการเมือง ไม่เกิน 10,000 บาท

หมวดกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • Easy E-Receipt ไม่เกิน 50,000 บาท
  • ดอกเบี้ยกู้ยืมที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 100,000 บาท

สามารถยื่นภาษีได้เมื่อไหร่ และยื่นที่ไหนได้บ้าง

สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2567 สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2568 โดยยื่นได้หลายช่องทาง เช่น สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่ทำการไปรษณีย์ แต่ที่สะดวกที่สุดคือยื่นออนไลน์ผ่านระบบ Digital MyTax ที่เว็บไซต์ https://efiling.rd.go.th/ ซึ่งสามารถยื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง และระบบจะช่วยคำนวณภาษีให้อัตโนมัติครับ

สรุป เช็กรายได้ที่ต้องเสียภาษีตั้งแต่ต้นปีง่ายๆ แค่คำนวณให้เป็น

การรู้ว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี และรู้จักใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น เพียงเริ่มจากการคำนวณเงินได้สุทธิ แล้วนำไปเทียบกับตารางอัตราภาษี พร้อมศึกษาสิทธิลดหย่อนที่คุณมี ก็จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้จ่ายในช่วงต้นปี สินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์จากเงินติดล้อ อาจเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้คุณได้ เพียงใช้เล่มทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างปลอดภัยครับ

รถของคุณผ่อนหมดแล้วหรือยัง?
กรุณากรอกชื่อภาษาไทย
กรุณากรอกเฉพาะตัวเลข

การกดยืนยันข้อมูล แสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

เงินติดล้อ

บทความโดย

เงินติดล้อ

ผู้มุ่งหวังให้สังคมไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น