การออมเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันไหนบ้างที่เงินหมดจนต้องควักเงินสำรองมาใช้จ่ายเพื่อต่อชีวิตให้เดินหน้าไปได้ แล้วเรื่องน่ากังวลก็เกิดขึ้นจนได้ แต่ถ้าอยู่มาวันหนึ่งคุณโดนไล่ออกจากงานกะทันหันในช่วงโควิด ทำให้รายได้ที่เคยมีเริ่มน้อยกว่ารายจ่าย สุดท้ายก็ต้องหากู้เงินด่วน ดังนั้น วิธีรับมือเมื่อเหตุการณ์นี้ขึ้น คือการวางแผนกู้เงินฉุกเฉินครับ
โดนไล่ออกจากงานกะทันหันช่วงโควิด มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
เผื่อว่าใครที่นึกภาพไม่ออกเพราะยังไม่ตกอยู่ในสถานะคนตกงาน โดนไล่ออกจากงานกะทันหันช่วงโควิด ซึ่งความเสี่ยงคือคุณจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เคยจ่ายในแต่ละเดือนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าคอนโด ค่าเช่าหอ ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่ากิน
เมื่อรายได้ที่เคยมีหยุดชะงักลง ก็ต้องนำเงินสำรองมาจ่าย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินสำรองก้อนโตในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ดังนั้น เงินสำรองมีวันหมดแน่นอน การวางแผนว่าจะขอสินเชื่อด่วนหรือกู้เงินฉุกเฉินก่อนจะตกงานจริง หรือโดนไล่ออกจากงานกะทันหันช่วงโควิดเลยเป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
โดนไล่ออกจากงานกะทันหันช่วงโควิด อย่าลืมเงินค่าตกใจ
จริงอยู่ที่ว่าการโดนไล่ออกจากงานกะทันหันช่วงโควิด คุณจะได้เงินชดเชยจากบริษัทตามระยะเวลาการทำงานที่อยู่กับบริษัท หรือที่เรียกว่า เงินชดเชย ซึ่งถ้าทำงานเกิน 1 ปีจะได้เงินชดเชย 3 เดือน ทำงานไม่ถึง 1 ปีได้ชดเชย 1 เดือน และที่สำคัญมีเงิน ค่าตกใจ อีก 1 เดือนด้วย เพราะเป็นการไล่ออกแบบกะทันหัน
ตกงานช่วงโควิดใช้สิทธิ์คนว่างงานกับประกันสังคม
เมื่อตกงานช่วงโควิดคุณสามารถใช้สิทธิ์คนว่างงานได้ โดยลงทะเบียนคนว่างงานกับประกันสังคมในมาตรา 33 ได้นะครับ ชีวิตยังไม่ถึงทางตันขนาดนั้น โดยเบี้ยประกันสังคมที่ได้รับจะแบ่งออกเป็น
- ตกงานกะทันหันช่วงโควิด เงินชดเชยจากประกันสังคม 7,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน
- ลาออกจากงานช่วงโควิด เงินชดเชยจากประกันสังคม 4,5000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ถึงแม้จะลาออกจากงานไปแล้วแต่ยังสามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลกับประกันสังคมได้อีก 6 เดือน แต่ถึงจะมีสิทธิ์รักษาพยาบาล ก็ไม่ได้ช่วยให้รายจ่ายอื่น ๆ ลดลงไปเลย ดังนั้น การวางแผนขอกู้เงินฉุกเฉินก็ยังจำเป็นอยู่ดี
วางแผนกู้เงินฉุกเฉินป้องกันความเสี่ยงก่อนตกงานกะทันหันยังไงดี?
ความเสี่ยงที่ว่าคือเสี่ยงที่จะไม่มีเงินพอใช้ เสี่ยงเงินขาดมือ เสี่ยงหมุนเงินไม่ทัน ดังนั้น ถ้าเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนจะโดนไล่ออกจากงานกะทันหันด้วยการวางแผนกู้เงินฉุกเฉินจึงเป็นอีกวิธีที่จะทำให้คุณรอดตายในสมรภูมิแห่งการโดนไล่ออกแน่นอน
คุณอาจจะข้องใจว่า ในเมื่อมีเงินชดเชยจากบริษัท เงินค่าตกใจ และเงินสำรองที่เก็บไว้แต่เนิ่น ๆ อยู่แล้วจะทำเรื่องวางแผนกู้เงินฉุกเฉินทำไม คำตอบคือ “รองรับความเสี่ยง” เพราะไม่รู้เลยว่าเงินที่ได้มาจะหมดภายใน 3-6 เดือนระหว่างที่ว่างงานหรือเปล่า
สมมติว่าวันนี้คือวันที่ 1 ธันวาคม และบริษัทแจ้งว่าอีก 1 เดือนนับจากนี้ ทางบริษัทจำเป็นจะต้องไล่ออกจากงานอย่างกะทันหันเพราะเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด เท่ากับว่าเงินเก็บคุณต้องพร้อมแล้ว ต่อให้จะมีเงินชดเชย เงินค่าตกใจ หรือเงินว่างงานก็จริง แต่ถ้าเทียบกับรายจ่ายประจำเดือนแล้วจำนวนเท่ากัน จะทำยังไงครับ
ทางเดียวก็คือกู้สินเชื่อตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อให้เป็นเงินทุนสำรองเผื่อว่าเงินก้อนอื่น ๆ ได้หมดลงไป ยังจะมีเงินก้อนนี้ไว้คอยเติมในเงินประจำเดือนของคุณ ให้คุณได้ใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ลำบากหรือขัดสน ไม่ต้องทนทุกข์กับการโดนไล่ออกจากงานอย่างกะทันหัน พร้อม ๆ กับเงินก้อนที่หมดลง
แต่ถ้าคุณวางแผนกู้เงินฉุกเฉินก่อนตกงานกะทันหัน ด้วยการขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อ คุณจะสามารถนำเงินก้อนนี้มาทำให้ชีวิตในแต่ละวันหมุนต่อไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้ โดยสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อ คุณไม่ต้องรอเงินนาน ได้เงินไว กู้ได้เลย ไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน
สรุป
ไม่มีใครอยากตกงานแต่ถ้าโดนไล่ออกกะทันหันช่วงโควิดก็ต้องทำใจ แล้วเดินหน้าต่อไปด้วยการหากู้เงินด่วน 10 นาที หรือเงินสำรองเอาไว้ระหว่างที่ว่างงาน แม้จะมีเงินชดเชยจากประกันสังคม เงินค่าตกใจ แต่ถ้าคุณคำนวณดูแล้วและคิดว่าไม่น่าเพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือนแน่ ๆ การวางแผนกู้เงินฉุกเฉินล่วงหน้าก่อนโดนไล่ออกก็จำเป็นมากจริง ๆ ซึ่งถ้าคุณมีรถยนต์เป็นทรัพย์สิน สามารถนำไปขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อได้เลย เพราะเราเข้าใจดีว่าการไม่มีเงินก้อนสำรองมันใช้ชีวิตต่อไปได้ลำบากมากจริง ๆ!