โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึงสินเชื่อต่างๆ เรามักจะไม่ได้ใส่ใจต่อประเภทสินเชื่อต่างๆ หรือการคิดดอกเบี้ยเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่จ่ายไปตามยอดที่กำหนดมาให้จากสถาบันการเงิน
แต่ในบทความนี้เงินติดล้อจะขอแนะนำพี่น้องให้มารู้จักกับสินเชื่อที่มีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก สินเชื่อประเภทนี้คืออะไร และมีดีขนาดไหน เงินติดล้อจะมาชี้แจงแถลงไขให้คุณฟังเองครับ
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกคืออะไร
ก่อนอื่นต้องแนะนำให้รู้จักก่อนว่า การคิดดอกเบี้ยของสถาบันการเงินนั้นจะมีด้วยกันอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ ดอกเบี้ยแบบคงที่ และดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้เลยครับ
-
ดอกเบี้ยแบบคงที่
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่นั้นหมายถึง สินเชื่อที่จะทำการคำนวณอัตราดอกเบี้ยมาให้อย่างเสร็จสรรพตั้งแต่วันที่เริ่มเซ็นสัญญา และจะนำไปเฉลี่ยในค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน
-
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนั้น หากจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ สินเชื่อในรูปแบบที่เมื่อเงินต้นลดลง อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงไปตาม ซึ่งในการผ่อนชำระค่างวดแต่ละครั้งก็จะมีการคิดค่างวดที่แตกต่างกันออกไปตามจำนวนของเงินต้นที่เหลืออยู่
ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
สำหรับการคิดดอกเบี้ยประเภทลดต้นลดดอก เงินติดล้อจะขอยกตัวอย่าง นาย A กู้เงินจากสถาบันทางการเงินแห่งหนึ่งเป็นจำนวน 20,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปี มีกำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระอยู่ที่ 12 เดือน โดยมีการผ่อนชำระรายเดือนเป็นจำนวน 1,893 บาทเท่าๆ กันทุกเดือน
โดยจำนวนการผ่อนชำระรายเดือนนั้น หากคำนวณผ่านสูตรทางคณิตศาสตร์ตามปกติจะมีความยากค่อนข้างมาก หากคุณต้องการคำนวณว่ายอดผ่อนชำระรายเดือนของตัวเองจะมีจำนวนเท่าไรนั้น แนะนำให้สอบถามกับทางสถาบันการเงินที่ต้องการยื่นกู้ หรือใช้โปรแกรมคำนวณสินเชื่อลดต้นลดดอกจากสหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ซึ่งจำนวน 1,893 บาทที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนนั้น จะถูกนำไปหักในส่วนของเงินต้นและอัตราดอกเบี้ย โดยสามารถคำนวณจำนวนที่นำไปหักในส่วนของดอกเบี้ยได้ ดังนี้
-
สูตรคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
คำนวณหาดอกเบี้ยในแต่ละงวด: (จำนวนเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ย) ÷ 365 x 31 = จำนวนที่นำไปหักดอกเบี้ยในแต่ละเดือน (31= คิดอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน)
แทนค่า: ( 20,000 x 24% ) ÷ 365 x 31 = 408
เท่ากับว่าค่างวด 1,893 บาทที่จ่ายไปเป็นงวดแรก จะแบ่งออกเป็นดอกเบี้ย 408 บาท และเงินต้น 1,485 บาท โดยในงวดถัดๆ ไปก็แทนค่าด้วยสูตรคำนวณเดียวกัน แต่เปลี่ยนเฉพาะจำนวนเงินต้นคงเหลือ
หมายความว่าหลังจากจ่ายงวดแรกไปแล้ว จะเหลือเงินต้นเป็นจำนวน 18,515 บาท แม้เดือนถัดไปจะจ่ายค่างวดเป็นจำนวน 1,893 บาทเท่าเดิม แต่เงินจำนวนนี้จะถูกแบ่งเป็นเงินต้น 1,528 บาท และดอกเบี้ย 365 บาท (คิดดอกเบี้ยรายวัน) เนื่องจากเงินต้นในงวดแรกได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกลดลงไปอีก
เพื่อให้เข้าใจตรงกันมากขึ้น ตลอดทั้ง 12 เดือนนั้น ค่างวดของนาย A จะถูกแบ่งไปหักลบเงินต้นและดอกเบี้ย ดังตารางนี้
จะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนั้นจะลดลงเรื่อยๆ ตามเงินต้นที่ได้จ่ายไป เมื่อครบ 12 งวด เท่ากับว่านาย A จ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งหมด 2,706 บาทเท่านั้น
-
ยิ่งโปะมากเท่าไหร่ หนี้ยิ่งหมดไวมากเท่านั้น
นอกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงตามการจ่ายค่างวดแล้ว อีกหนึ่งข้อดีของการคิดดอกเบี้ยประเภทนี้ก็คือ สามารถโปะเงินเพิ่มเพื่อให้หนี้หมดเร็วขึ้นได้
จากตัวอย่างเดิมของนาย A หากในงวดที่ 2 เขามีเงินเหลือเพียงพอ และจ่ายเพิ่มจากค่างวดปกติ 2,000 บาท เงินจำนวนนั้นจะถูกนำไปจ่ายในส่วนของเงินต้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายหลังจากนั้นลดลงไปอีก ดังตารางนี้
จากกรณีดังกล่าว เมื่อครบกำหนดชำระ จำนวนดอกเบี้ยที่นาย A จ่ายไปรวมทั้งหมดจะเหลือเพียง 2,279 บาทเท่านั้น ลดลงจากปกติถึง 427 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้จำนวนงวดที่ต้องจ่ายก็ลดลงเหลือเพียง 11 งวดเท่านั้น
-
เปรียบเทียบ! คำนวณลดต้นลดดอก vs คำนวณแบบดอกเบี้ยคงที่
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าดอกเบี้ยจากการขอสินเชื่อนั้นยังมีอยู่อีกประเภทหนึ่ง นั่นก็คือสินเชื่อแบบดอกเบี้ยคงที่
ทีนี้เราจะมาดูกันว่า หากเราขอสินเชื่อรูปแบบคงที่ในอัตราดอกเบี้ย 24% ต่อปีเท่ากัน จะสามารถคำนวณอัตราดอกเบี้ย และจำนวนที่ต้องผ่อนชำระออกมาได้ ดังนี้
สูตรการคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่: เงินต้น + [ (เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย) x จำนวนปีที่ผ่อนชำระ ] ÷ จำนวนงวดที่ผ่อน = จำนวนที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน
แทนค่าด้วยตัวเลข: 20,000 + [ (20,000 x 24%) x 1 = 11,200 ] ÷ 12 = 2,066
จะเห็นได้ว่าจำนวนดอกเบี้ยจากสินเชื่อแบบคงที่นั้นมีจำนวนมากถึง 4,800 บาท และต้องจ่ายค่างวดผ่อนชำระถึงเดือนละ 2,066 บาทเลยทีเดียว
จากตัวอย่างที่ยกมา เมื่อนำสินเชื่อทั้ง 2 อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการผ่อนชำระที่เท่ากันมาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ว่า
- การคำนวณแบบลดต้นลดดอก มีจำนวนดอกเบี้ยตลอดการผ่อนชำระเพียง 2,706 เท่านั้น
- แต่การคำนวณแบบคงที่ มีจำนวนดอกเบี้ยตลอดการผ่อนชำระถึง 4,800 บาทเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น หากเป็นการขอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาเท่ากัน เลือกการคำนวณแบบลดต้นลดดอกจะมีความคุ้มค่ายิ่งกว่าแน่นอนครับ
อย่าประมาท! แม้กู้ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกก็ต้องระวัง
แม้ว่าการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะมีดีกว่าดอกเบี้ยประเภทอื่นๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นสินเชื่อ ยังไงก็ต้องมีข้อควรระวังเอาไว้!
เพราะถ้าหากคุณผิดนัดชำระ หรือจ่ายล่าช้า ดอกเบี้ยก็จะถูกคิดจากยอดเงินต้นคงเหลือไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะทำให้คุณต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยที่มากขึ้นกว่าเดิมจากแผนการผ่อนชำระที่กำหนดไว้
อีกทั้งถ้าผิดนัดชำระหนี้เป็นเวลานาน อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เช่น ค่าติดตามทวงถาม หรืออาจจะต้องผ่อนชำระยาวขึ้นกว่าแผนที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้น จึงต้องระวังเอาไว้ให้ดีๆ นะครับ
เงินติดล้อ พร้อมให้บริการคุณด้านสินเชื่อแบบลดต้นลดดอก
อย่างที่เราได้อธิบายไปในข้างต้นเกี่ยวกับสินเชื่อที่มีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หากคุณกำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉินด้านการเงิน และต้องการสินเชื่อที่สมเหตุสมผล ลองติดต่อมาที่เงินติดล้อสิครับ
เราคือสถาบันการเงินที่ให้บริการด้านสินเชื่อทะเบียนรถโดยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ตามหลักการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ไม่เกิน 24% ต่อปี จึงมั่นใจได้ว่าเรามีความเป็นธรรมต่อผู้มาใช้บริการทุกท่านอย่างแน่นอน
ถ้าหากคุณยังไม่มั่นใจ ลองดูข้อดีจากการทำสินเชื่อกับเราก่อนสิครับ
- เราสินเชื่อรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถกระบะ หรือแม้แต่รถบรรทุก พร้อมให้ราคาประเมินที่สูง
- อนุมัติเร็วไม่ต้องรอนาน ให้คุณมีเงินสดฉุกเฉินไปใช้ได้ทันใจ
- พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ยินดีผ่อนผันและพิจารณาการประนอมหนี้ หากลูกค้าของเราเกิดปัญหา
- มีแอปพลิเคชันให้ลูกค้าสามารถติดตามยอดเงิน และการชำระสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมด้วยสิทธิพิเศษภายในแอปพลิเคชันมากมาย
รับรองว่าคุณจะมีเงินสดฉุกเฉินนำไปใช้ได้ทันใจ ได้ดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล แถมถ้าจ่ายหนี้ก่อนเวลาอัตราดอกเบี้ยก็ลดลงอีกด้วย