บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ
TIDLOR เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 ยังคงเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.0% YoY ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3,574 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจ และต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ด้านกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/66 จำนวน 1,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% YoY และสำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 2,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% YoY
ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2566 บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง อยู่ที่ 91,888 ล้านบาท ขยายตัว 21.1% YoY โดยบัตรติดล้อยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งปริมาณการใช้งานบัตรยังคงขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้เป็นอย่างดี สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ที่ระดับ 1.51% ลดลงจาก 1.54% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และยังคง NPL coverage ratio ในระดับสูงที่ 264% เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่วนของ Credit cost ในปีนี้ ยังคงอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้
นอกจากธุรกิจสินเชื่อ อีกธุรกิจหลักซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ แข็งแกร่ง คือธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยดำเนินธุรกิจภายใต้ แบรนด์ “ประกันติดล้อ” ซึ่งเป็นแบรนด์นายหน้าประกันภัยที่มุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยอันดับ 1 ที่มีจุดเด่นด้านการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันภัยอย่างใกล้ชิด (Face-to-Face Marketing) โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 เบี้ยประกันวินาศภัยขยายตัวต่อเนื่อง ในเก้าเดือน ปี 2566 มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวม 6,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% YoY โดยเติบโตได้ดีทั้งช่องทางออฟไลน์ ช่องทางดิจิทัล และแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวว่า “ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาในปี 2566 เรายังคงสามารถสร้างผลประกอบการที่ดี ถึงแม้ภาคอุตสาหกรรมการเงินจะได้รับแรงกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง และปัจจัยด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่มีความไม่แน่นอน แต่ บมจ.เงินติดล้อ ยังคงสามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการใช้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งด้านธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกันภัยอย่างต่อเนื่อง” ขณะที่พอร์ตสินเชื่อรวมและธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และต้นทุนด้านเครดิต (Credit Cost) อยู่ในทิศทางตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และทำการปรับลดเป้า NPL ในปีนี้ลงจากไม่เกิน 1.8% มาที่ไม่เกิน 1.65% ขณะที่บริษัทฯ ยังมีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างรัดกุม รวมถึงมีการตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตพอร์ตอย่างมีคุณภาพภายใต้การควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่เข้มงวดและนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลกำไรได้ตามเป้าหมาย ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ณ เดือนตุลาคมปี 2566 TIDLOR ยังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสูงสุดในผู้เล่นอุตสาหกรรมเดียวกัน และได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) เป็นครั้งแรก สำหรับท่านนักลงทุนและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์
www.tidlorinvestor.com